ภาวะผู้นำมีอะไรบ้าง ทักษะสำคัญสู่ความสำเร็จ

ในการทำงานยุคปัจจุบัน “ภาวะผู้นำ” เป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้จัดการหรือผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสามารถในการตัดสินใจของพนักงานเมื่อเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ การมีภาวะความเป็นผู้นำในแต่ละบุคคลจะช่วยให้เกิดความรับผิดชอบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจว่า “ภาวะผู้นำ” หรือ Leadership คืออะไร ทำไมจึงสำคัญต่อการทำงานในยุคปัจจุบัน พร้อมองค์ประกอบภาวะผู้นำที่ควรรู้

 

ภาวะผู้นำคืออะไร ทำไมสำคัญกับองค์กร?

ภาวะผู้นำ หรือ Leadership คือทักษะที่จำเป็นในการชี้นำและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทีมหรือบุคคล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยภาวะผู้นำไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในระดับผู้บริหารเท่านั้น แต่เป็นทักษะสำคัญที่บุคลากรในทุกระดับควรมี เพื่อยกระดับการทำงาน ของตนเองและทีม ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว การแก้ไขปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ หรือการสื่อสารที่ชัดเจน

การที่บุคลากรมีภาวะผู้นำ คือสิ่งที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน ทำให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่แข็งแกร่ง (Collaboration) สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จในยุคปัจจุบัน

 

10 องค์ประกอบภาวะผู้นำ ที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ

จากบทความในนิตยสาร Forbes ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและเทคโนโลยีอย่าง Bernard Marr ได้สรุป 10 ทักษะภาวะผู้นำที่สำคัญสำหรับโลกการทำงานในศตวรรษที่ 21 ไว้ดังนี้

1. ความจริงใจ (Authenticity)

สิ่งแรกที่ผู้นำทุกคนควรมีคือ ความจริงใจ ทั้งต่อเพื่อนร่วมงานและตนเอง การแสดงออกถึงความจริงใจไม่ได้หมายถึงแค่การปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การซื่อสัตย์ต่อตนเอง การยอมรับในคุณค่า จุดแข็ง หรือจุดอ่อนของตนเองอย่างแท้จริง

เมื่อผู้นำและพนักงานทำงานด้วยใจจริง ไร้ซึ่งอคติส่วนตัว จะช่วยสร้างความสอดคล้องระหว่างความคิด คำพูด การกระทำ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในทีม ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

2. การคิดเชิงบวก (Positivity)

การคิดเชิงบวก เป็นองค์ประกอบภาวะผู้นำที่ไม่ใช่แค่การมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว แต่คือการมีทัศนคติที่ยืดหยุ่น มองปัญหาเป็นความท้าทายที่ต้องหาทางแก้ไข รวมถึงมองหาโอกาสในการเรียนรู้จากความผิดพลาดอยู่เสมอ ผู้นำที่คิดบวกจะสามารถให้กำลังใจและชื่นชมเพื่อนร่วมงานในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างจริงใจ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจ ลดความขัดแย้ง ส่งเสริมให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. การสร้างความไว้วางใจ (Inspiring Trust)

การสร้างความไว้วางใจ ถือเป็นหัวใจสำคัญของภาวะผู้นำที่ดี ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการรักษาคำพูดหรือรักษาสัญญาที่แจ้งไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอ ในการกระทำ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความซื่อสัตย์โปร่งใสในการทำงาน ช่วยลดความเคลือบแคลงสงสัย สร้างสภาพแวดล้อมที่ทีมรู้สึกปลอดภัยทางใจ ทำให้ทุกคนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น กล้าที่จะรับความเสี่ยง และทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

4. การสร้างแรงจูงใจให้ผู้อื่น (Motivating Others)

การชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของงานที่ทำ จะช่วยให้พนักงานเห็นว่างานของพวกเขามีความหมาย เกิดผลกระทบในทางบวกต่อองค์กรหรือสังคม ก็จะเกิดแรงขับเคลื่อนจากภายใน นอกจากนี้ การให้อิสระในการทำงานหรือ Empowerment ยังเป็นการแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของพนักงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรับผิดชอบและความรู้สึกเป็นเจ้าของในผลงาน ส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีกำลังใจและทุ่มเทเพื่อเป้าหมายร่วมกันได้อย่างเต็มที่

5. การสร้างทีม (Team Building)

เพื่อนร่วมงานแต่ละคนมีความถนัด ทักษะ รวมถึงลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ผู้นำจึงต้องมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกและจัดสรรบุคคลให้เหมาะสมกับงาน เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของแต่ละคนออกมาใช้ นอกจากนี้ การสร้างทีมที่แข็งแกร่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การคัดเลือกคนเท่านั้น แต่ผู้นำยังต้องหาทางเชื่อมความแตกต่างของพนักงานแต่ละคนเข้าด้วยกันให้ได้ เพื่อให้ทุกคนในทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

6. ให้และรับคำติชม (Giving & Receiving Feedback)

ผู้นำที่ให้และรับคำติชมพนักงานในองค์กร

หนึ่งในทักษะที่สำคัญของ Leadership คือการให้คำติชมแก่เพื่อนร่วมงานอย่างสร้างสรรค์และสม่ำเสมอ (Constructive feedback) ซึ่งหมายถึงการให้ฟีดแบ็กที่สร้างสรรค์ มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาผู้รับ โดยหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่เน้นที่การปรับปรุงอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้เห็นความก้าวหน้า รวมถึงจุดที่ต้องพัฒนาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การเป็นผู้รับคำติชมที่ดี ก็สำคัญไม่แพ้กัน ผู้ที่เปิดใจรับฟังคำติชมทั้งเชิงบวกและเชิงลบด้วยความเข้าใจ เป็นกลาง จะสามารถนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาปรับปรุงตนเอง พัฒนาทีมให้ก้าวหน้าไปพร้อมกันได้

7. ส่งเสริมศักยภาพทีม (Fostering potential)

ศักยภาพของพนักงาน คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้นำที่ดีจึงควรให้ความสำคัญกับศักยภาพของพนักงาน มากกว่าแค่ผลงานเพียงชิ้นเดียว โดยต้องสนับสนุนให้พนักงานได้คิดและลงมือทำในแบบฉบับของตัวเอง รวมถึงสร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับความผิดพลาด ทำให้พนักงานรู้สึกว่า "ล้มได้และเรียนรู้ได้" เพื่อให้พวกเขากล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ

8. การคิดเชิงกลยุทธ์ (Thinking Strategically)

การคิดวิเคราะห์อย่างมีกลยุทธ์ เป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหาและวางแผนเพื่อความสำเร็จในระยะยาว โดยอาศัยการใช้ข้อมูลที่ถูกต้องมาประกอบการตัดสินใจ และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจจากความคิดส่วนตัวเพียงอย่างเดียว ภาวะผู้นำที่แท้จริงจึงต้องสามารถเชื่อมโยงสถานการณ์ปัจจุบันเข้ากับเป้าหมายในอนาคตได้อย่างเป็นระบบ

9. การตั้งเป้าหมาย (Setting Goals)

หากองค์กรต้องการให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้นำจำเป็นต้องกำหนดเกณฑ์หรือเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การใช้หลัก OKR (Objectives and Key Results) นอกจากนี้ ควรมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานรู้ว่าต้องปรับปรุงส่วนใดบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

10. รับผิดชอบและปล่อยวาง (Taking on & Giving up Responsibility)

ผู้นำที่ดีต้องรู้จักรับผิดชอบต่อผลงานของทีม ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ดี ในขณะเดียวกันก็ต้องมอบหมายงานให้สมาชิกในทีมได้รับผิดชอบ เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้และเติบโต การมอบหมายงานอย่างเหมาะสมยังช่วยให้ผู้นำมีเวลาไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญกว่าได้
 

วิธีการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพผู้นำ ให้กับพนักงาน

การพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำให้กับพนักงานในทุกระดับ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร แต่ยังเป็นการสร้างความผูกพันและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้กับองค์กรในระยะยาว โดยการพัฒนาภาวะผู้นำในองค์กรสามารถทำได้หลายวิธีผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้

  • การให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง

การให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ตรงไปตรงมาจะช่วยให้พนักงานเข้าใจถึงจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของตนเองได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผู้นำควรสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยเพื่อให้พนักงานกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น หรือแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน 

  • การใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้

ในยุคดิจิทัล การนำเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ เช่น ระบบ LMS (Learning Management System) เข้ามาใช้ จะช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และพัฒนาทักษะภาวะผู้นำได้ทุกที่ทุกเวลาตามความสะดวกของแต่ละบุคคล เนื้อหาการเรียนรู้สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่แตกต่างกันของพนักงานแต่ละคนได้

  • การโค้ชและการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching & Mentoring)

พนักงานกำลังเป็นพี่เลี้ยงสอนงานคนในองค์กร

Coaching คือกระบวนการที่โค้ชใช้คำถามกระตุ้นให้ผู้รับการโค้ช (Coachee) หรือพนักงาน สำรวจความคิดและดึงศักยภาพของตนเองออกมา เพื่อค้นหาคำตอบและแนวทางแก้ปัญหา จะช่วยให้พนักงานไปสู่การบรรลุเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ในส่วนของ Mentoring คือความสัมพันธ์ที่ผู้มีประสบการณ์มากกว่า ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยให้คำแนะนำ ถ่ายทอดความรู้ และแบ่งปันประสบการณ์ตรง เพื่อชี้นำเส้นทางอาชีพและการเติบโตในระยะยาวให้กับพนักงานใหม่ หรือพนักงานที่ประสบการณ์น้อยกว่า

  • การตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจน

การทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำและพนักงานในการตั้งเป้าหมายการพัฒนา (Development Goals) ที่ชัดเจน วัดผลได้ จะช่วยให้พนักงานมีทิศทางในการพัฒนาตนเองที่แน่นอน รวมถึงเห็นภาพความก้าวหน้าในสายอาชีพของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม

  • การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (On-the-Job Training)

​การเรียนรู้จากการทำงานจริง หรือ On-the-Job Training เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะพนักงานจะได้เผชิญกับความท้าทายและแก้ไขปัญหาจริงในบริบทการทำงานของตนเอง การมอบหมายโครงการที่ท้าทายหรือให้โอกาสในการนำทีมเล็กๆ จะช่วยเร่งการพัฒนาทักษะภาวะผู้นำได้เป็นอย่างดี

 

โดยสรุปแล้ว ทักษะภาวะผู้นำ คือสิ่งที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ การที่องค์กรส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับได้พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นความจริงใจ การคิดเชิงบวก การสร้างแรงจูงใจ ไปจนถึงการคิดเชิงกลยุทธ์ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ


การพัฒนาทักษะเหล่านี้ในยุคดิจิทัลสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อเพิ่มทักษะภาวะผู้นำ อาจพิจารณาจากความเหมาะสมด้านงบประมาณ กรอบเวลา หรือความสะดวกของพนักงาน โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความสนใจ คือการนำโซลูชันออนไลน์ หรือระบบ e-Learning มาประยุกต์ใช้ในการสร้างสื่อการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด


FROG GENIUS ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและออกแบบ ระบบ LMS ที่ครบวงจร ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับแอดมิน ผู้สอนและผู้เรียน ให้องค์กรสามารถออกแบบสื่อการสอนที่รองรับทั้งการเรียนแบบออนไลน์ รวมถึงการเรียนรู้แบบผสมผสาน สามารถประเมินผลผู้เรียนได้แบบเรียลไทม์ ปรับเพิ่ม-ลด-แก้เนื้อหาให้อัปเดตล่าสุดได้ สำหรับการฝึกอบรมพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อให้พนักงานเติบโต และท้ายที่สุดเพื่อให้องค์กรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

Related Article