ในยุคที่การเรียนรู้ออนไลน์ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ผู้จัดการฝ่ายบุคคล (HR) และทีม Learning & Development (L&D) ต้องไม่เพียงแค่ออกแบบ “คอร์ส” แต่ต้องสร้าง “เส้นทางการเรียนรู้” ที่วัดผลได้จริง
งานวิจัยชี้ว่า
93% ของพนักงานต้องการการฝึกอบรมที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
91% ต้องการเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานของตนโดยตรง
ดังนั้น “Course Outline” จึงเปรียบเสมือน พิมพ์เขียวเชิงกลยุทธ์ (Strategic Blueprint) ที่ช่วยให้องค์กรออกแบบหลักสูตรได้อย่างเป็นระบบ — ตั้งแต่ ใครคือผู้เรียน, เรียนเรื่องอะไร, เพื่ออะไร, และจะวัดผลความสำเร็จอย่างไร
Course Outline คือแผนผังหรือแผนที่ของหลักสูตร (Learning Map) ที่เชื่อมโยง จุดเริ่มต้นของผู้เรียน ไปสู่ เป้าหมายทางการเรียนรู้ที่องค์กรต้องการ
มันทำหน้าที่เหมือน “GPS การเรียนรู้” ที่ช่วยให้ผู้เรียน, Instructor และ HR เห็นภาพเดียวกันตลอดเส้นทางการฝึกอบรม
Course Outline ที่ดีจะช่วยให้:
การออกแบบโครงสร้างหลักสูตร ที่ดี คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน (ROI) ชัดเจน ทั้งต่อตัว HR ผู้เรียน และองค์กร:
| กลุ่ม | ผลลัพธ์ที่ได้รับ |
| HR & L&D | ลดเวลาในการพัฒนา, วัดผลได้ตรงเป้าหมาย, เพิ่มความน่าเชื่อถือ |
| ผู้เรียน (พนักงาน) | เข้าใจเป้าหมาย, เห็นเส้นทางอาชีพ, เพิ่มแรงจูงใจ |
| องค์กร | ประหยัดงบประมาณ, เพิ่ม Productivity, รักษาพนักงานให้อยู่ได้นานขึ้น |
* ข้อมูลจากการสำรวจของ LinkedIn Learning ระบุว่า “บริษัทที่มีหลักสูตรพัฒนาพนักงานอย่างชัดเจน มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 17% และรายได้ต่อพนักงานสูงขึ้นกว่า 218%”
Course Outline ที่ดีควรประกอบด้วย 7 ส่วนสำคัญเป็นอย่างน้อย ซึ่งช่วยให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนเข้าใจทิศทางการเรียนรู้อย่างชัดเจน:
ระบุชื่อหลักสูตรอย่างชัดเจน พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ว่าหลักสูตรนี้เกี่ยวกับอะไร
ระบุสิ่งที่ผู้เรียนจะสามารถ “ทำได้” หลังเรียนจบ เช่น เข้าใจแนวคิด วิเคราะห์ปัญหา หรือออกแบบกระบวนการได้
กำหนดกลุ่มผู้เรียน เช่น ผู้บริหาร พนักงานใหม่ หรือหัวหน้างาน เพื่อให้เนื้อหาตรงกับความต้องการ
ลำดับหัวข้อหรือโมดูลการเรียนรู้ เช่น Module 1: พื้นฐานการบริหารงานบุคคล, Module 2: การพัฒนาทักษะการสื่อสาร
ระบุระยะเวลาเรียนทั้งหมด รวมถึงรูปแบบการสอน เช่น Online, Workshop, Hybrid
ระบุรูปแบบการวัดผล เช่น Quiz, Case Study, Final Project เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้
เพิ่มความน่าเชื่อถือให้หลักสูตร โดยระบุผู้สอนและแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบหลักสูตร
นี่คือส่วนของ "How-to" ที่จะช่วยให้ HR ทุกคนสามารถออกแบบ Course outline ที่ดีได้ด้วยตนเองครับ
เริ่มจากคำถามสำคัญ: “เราต้องการให้ผู้เรียนทำอะไรได้หลังจบคอร์ส?”
สามารถเลือกใช้หลัก Bloom’s Taxonomy หรือ SMART Goal เพื่อกำหนด Learning Outcomes ให้ชัดและวัดผลได้ เช่น “อธิบายกระบวนการได้” หรือ “ออกแบบแผนฝึกอบรมได้ด้วยตนเอง”
คอร์สที่ดีต้อง เริ่มจากการเข้าใจผู้เรียน สร้าง “Learner Persona” เพื่อรู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย มีความรู้เดิมแค่ไหน และต้องการเรียนรู้อะไร
ตัวอย่างอย่างง่าย เช่น สำหรับผู้บริหาร ต้องเน้น Strategic View และ Case Study มากกว่าการสอนใช้เครื่องมือแบบจับมือทำ (ซึ่งเหมาะกับระดับปฏิบัติการ)
นี่คือส่วนของ การออกแบบโครงสร้างหลักสูตร ที่สำคัญ
*การแบ่งหัวข้อจะทำให้เราสามารถจัดกลุ่มองค์ความรู้ และไล่เรียนเนื้อหาได้อย่างเป็นระบบ
การเรียนรู้ 70% เกิดจากการลงมือทำ (70-20-10 Model) 20% เป็นการเรียนรู้จากการแบ่งปันความรู้ หรือแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่น และ 10% สุดท้ายเป็นการเรียนผ่านทฤษฎี จะเห็นว่า การเรียนรู้ประกอบไปด้วยหลายส่วน ดังนั้น Course Outline ควรถูกวางอย่างเป็นระบบ ให้สอดคล้องเหมาะสมเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
Course Outline จะทำให้เราสามารถเลือกเครื่องมือ ที่จะใช้ในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
เมื่อ Course Outline ถูกสร้างและออกแบบมาอย่างดี Course outline จะ ไม่ใช่แค่ "งานเอกสาร" ของ HR แต่

Course Outline ที่ออกแบบอย่างเป็นระบบไม่เพียงช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเส้นทางการเรียนรู้ แต่ยังช่วยกำหนดทิศทางและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งต่อองค์ความรู้หรือ Message ที่องค์กรต้องการจะสื่อสารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ HR สามารถเชื่อมโยงผลลัพธ์การเรียนรู้กับเป้าหมายองค์กรได้จริง
ระบบ LMS (Learning Management System) จาก FROG GENIUS ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ HR สามารถ Implement หรือบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตร ให้เป็นไปตาม Course Outline ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ช่วยให้ “Course Outline” หรือ “พิมพ์เขียวเชิงกลยุทธ์ (Strategic Blueprint)” ที่ HR ออกแบบมาอย่างดี ใช้ได้จริง และช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและส่งต่อองค์ความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Q: Course Outline ต่างจาก Syllabus อย่างไร?
A: Syllabus คือภาพรวมของเนื้อหา แต่ Course Outline จะละเอียดกว่า เพราะครอบคลุมถึงวัตถุประสงค์ วิธีการสอน รายละเอียดของหัวข้อในแต่ละช่วงการสอน และการวัดผล
Q: องค์กรควรเริ่มทำ Course Outline เมื่อใด?
A: ควรเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนวางแผนฝึกอบรม เพื่อให้ทุกส่วนเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้น และสามารถวางแผนการสอนได้อย่างเป็นระบบ