อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 08/2025
ระบบการจัดการการเรียนรู้ Learning Management System (LMS) เป็นซอฟต์แวร์ หรือ Learning Solution ที่ใช้ในการวางแผน ดำเนินการ และประเมินกระบวนการเรียนรู้ ถูกใช้สำหรับการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ แบบ Online และในรูปแบบทั่วไป Offline ได้ด้วย ประกอบด้วย สององค์ประกอบหลักๆคือ : ตัว Cloud Server ที่ทำหน้าที่พื้นฐานของการเข้าถึง Content กับ Platform และ ตัวระบบการจัดการ ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ที่ดำเนินการโดยผู้สอน นักเรียน และผู้ดูแลระบบ
ระบบคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ (Cloud Server): ทำหน้าที่พื้นฐานด้านการจัดเก็บและเปิดให้เข้าถึงเนื้อหา รวมถึงการเชื่อมต่อกับ Platform
ระบบการจัดการ (Management System): ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ที่ครอบคลุมผู้สอน ผู้เรียน และผู้ดูแลระบบ
โดยทั่วไปแล้ว Learning Management System (LMS) ช่วยเหลือผู้สอน ในเรื่อง วิธีการผลิต Content การ Broadcast Content และมีระบบช่วยตรวจสอบการมีส่วนร่วมของผู้เรียน และประเมินผลงานของผู้เรียน ระบบการจัดการการเรียนรู้ยังอาจช่วยให้ผู้เรียน สามารถใช้คุณลักษณะแบบ Interactive ได้ เช่น การใช้ Q&A, Video Conference และ Forum
Learning Management System มักถูกใช้งานโดยธุรกิจทุกขนาด หน่วยงานรัฐบาล องค์กร โรงงาน โรงพยาบาล สถาบันการศึกษารวมไปถึง Online Creator ระบบ LMS สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับรูปแบบการศึกษาแบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ระบบที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้สอนและผู้ดูแลระบบสามารถจัดการองค์ประกอบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลงทะเบียนผู้ใช้ เนื้อหา ปฏิทิน การเข้าถึงของผู้ใช้ การสื่อสาร การรับรอง และการแจ้งเตือน
LMS มีประโยชน์ต่อองค์กรต่างๆ มากมาย รวมถึงสถาบันการศึกษาระดับสูงและองค์กรต่างๆ การใช้งานหลักของระบบการจัดการการเรียนรู้ คือ การจัดการความรู้ KM หมายถึง การรวบรวม การจัดระเบียบ การแบ่งปัน และการวิเคราะห์ความรู้ขององค์กรในแง่ของทรัพยากร เอกสาร และทักษะ อย่างไรก็ตาม บทบาทเฉพาะของ LMS จะแตกต่างกันไปตามยุทธศาสตร์และเป้าหมายการฝึกอบรมขององค์กร
การฝึกอบรม และการเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานเป็นหนึ่งใน Case Study การใช้งานทั่วไปสำหรับ LMS ในองค์กร ในรูปแบบนี้ระบบ LMS จะใช้เพื่อช่วยฝึกอบรมพนักงานใหม่โดยให้โอกาสในการเข้าถึงเอกสารการฝึกอบรมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ พนักงานใหม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบและได้รับการแจ้งเตือนได้เมื่อ พนักงานมีการ Engage และ Feedback ของตนเองกับระบบ ซึ่งจะช่วยให้หัวหน้า หรือ นายจ้างได้รับทราบ และ เข้าใจว่าหลักสูตรการฝึกอบรมมีประสิทธิภาพหรือไม่ และระบุประเด็นเพิ่มเติมที่พนักงานใหม่ต้องการความช่วยเหลือ
การพัฒนาและรักษาพนักงาน เราสามารถใช้ LMS เพื่อกำหนดหลักสูตรที่จำเป็นให้กับพนักงานปัจจุบันเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานกำลังพัฒนาทักษะงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Product และ Service ใหม่ๆ และรวมไปถึงการฝึกอบรมการปฏิบัติตามข้อกำหนด
Learning Management System (LMS) สามารถใช้เพื่อการขยายการฝึกอบรมระดับองค์กรเพิ่มเติมได้ เช่น การฝึกอบรมลูกค้า คู่ค้า และสมาชิก การฝึกอบรมลูกค้าเป็นเรื่องปกติในบริษัทที่ขาย Product ที่ต้องการการอบรมการใช้ Product ซึ่งผู้ใช้จำเป็นต้องได้รับการอบรมว่า Product ทำงานอย่างไรก่อนจึงจะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ การให้การฝึกอบรมลูกค้าอย่างต่อเนื่องจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Royalty)
ระบบ LMS จะพื้นที่เก็บข้อมูล ที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดเก็บและติดตามข้อมูลได้ในที่เดียว ผู้ใช้ที่มีการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านที่ปลอดภัยสามารถเข้าถึงระบบและทรัพยากรการเรียนรู้ออนไลน์ได้ หรือถ้าระบบโฮสต์เอง ผู้ใช้ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนฮาร์ดไดรฟ์หรือเข้าถึงผ่านเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
คุณสมบัติทั่วไปที่พบใน LMS ได้แก่:
Responsive design - ผู้ใช้ควรสามารถเข้าถึง LMS จากอุปกรณ์ประเภทใดก็ได้ที่พวกเขาเลือก ไม่ว่าจะเป็น Desktop แล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน LMS ควรแสดงเวอร์ชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอุปกรณ์ที่ผู้ใช้เลือกโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ LMS ยังควรอนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเนื้อหาเพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ในขณะออฟไลน์
User-friendly interface - ส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ควรช่วยให้ผู้เรียนไปยังส่วนต่างๆ ของแพลตฟอร์ม LMS ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ UI ควรสอดคล้องกับความสามารถและเป้าหมายของทั้งผู้ใช้และองค์กรด้วย UI ที่ไม่เป็นธรรมชาติเสี่ยงต่อความสับสนหรือทำให้ผู้ใช้เสียสมาธิ และจะทำให้ LMS ไม่มีประสิทธิภาพ
Reports and analytics - ซึ่งรวมถึงเครื่องมือการประเมิน eLearning ผู้สอนและผู้ดูแลระบบต้องสามารถดูและติดตามความคิดริเริ่มการฝึกอบรมออนไลน์ของตนเพื่อพิจารณาว่ามีประสิทธิภาพหรือจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ ใช้ได้กับกลุ่มผู้เรียนและรายบุคคล
Course management - ผู้ดูแลระบบและผู้สอนควรสามารถสร้างและจัดการหมวดหมู่ และกลุ่มผู้เรียนเพื่อมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้น
Content integration - เนื้อหาที่สร้างและจัดเก็บไว้ใน LMS จะต้องบรรจุตามมาตรฐานที่ทำงานร่วมกันได้ กับ API และ Gateway ของ Module อื่นๆ ซึ่งรวมถึง SCORM
Support services - ผู้ให้บริการ LMS ต่างๆ ให้การสนับสนุนในระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งเราควรพิจารณาจากปัจจัยในเรื่องของความพร้อมของฟีเจอร์ของผู้พัฒนา Platform การดูแลช่วยเหลือเวลาเกิดปัญหา ทั้งในเรื่องการขึ้นระบบ และการใช้งาน การให้ปรึกษา คำแนะนำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้เป็นไปตามเป้าหมายกลยุทธ์ ปัจจัยเหล่านี้นั้นมีความหมายต่อการเลือกใช้เอ็มเอสไม่ว่าจะเป็นทั้งในไทยและต่างประเทศ
Certification and compliance support - ฟีเจอร์นี้จำเป็นสำหรับระบบที่ใช้สำหรับการฝึกอบรมและการรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางออนไลน์ ผู้สอนและผู้ดูแลระบบควรสามารถประเมินชุดทักษะของแต่ละคนและระบุช่องว่างในการปฏิบัติงานได้ คุณสมบัตินี้จะทำให้สามารถใช้บันทึก LMS ระหว่าง การทำประเมิณได้
Social learning capabilities - LMS จำนวนมากเริ่มรวมเครื่องมือโซเชียลมีเดียไว้ในแพลตฟอร์มของตน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเพื่อน ทำงานร่วมกัน และแบ่งปันประสบการณ์การเรียนรู้ได้
Gamification - LMS บางตัวมีกลไกเหมือนกับเกม หรือคุณสมบัติเกม ที่ช่วยให้ผู้สอนและผู้ดูแลระบบสามารถสร้างหลักสูตรที่มีแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมให้มากเป็นพิเศษ สิ่งนี้สามารถช่วยผู้เรียนที่ต้องการสิ่งจูงใจเพิ่มเติมในการจบหลักสูตร โดยอาจอยู่ในรูปแบบของ คะแนน, Leader Board และ Badge
Automation - ระบบ LMS Management ควรช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานที่ซ้ำๆได้โดยอัตโนมัติ ตัวอย่าง ได้แก่ การจัดกลุ่มผู้ใช้ การ Onboard ผู้ใช้ใหม่ การปิดใช้งานผู้ใช้ และการลงทะเบียนแบบกลุ่ม
Localization - สิ่งสำคัญสำหรับ LMS คือการสนับสนุนภาษาที่หลากหลายเพื่อให้เนื้อหาการเรียนรู้และการฝึกอบรมไม่ได้รับผลกระทบจากอุปสรรคด้านภาษา LMS บางตัวรวมคุณสมบัติ Geo-Location ที่ช่วยให้พวกเขานำเสนอหลักสูตรในเวอร์ชันที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติทันทีที่ผู้เรียนเข้าถึง
Artificial intelligence (AI) - สุดท้าย AI สามารถช่วย LMS สร้างประสบการณ์การเรียนรู้เฉพาะบุคคลสำหรับผู้ใช้โดยการจัดรูปแบบหลักสูตรที่เหมาะกับความต้องการของพวกเขา และโดยการแนะนำหัวข้อที่ผู้ใช้อาจพบว่าน่าสนใจตามหลักสูตรที่พวกเขาได้เรียนไปแล้ว
Learning Management System (LMS) บนคลาวด์นั้นโฮสต์บนคลาวด์และมักจะทำในรูปแบบบริการ (SaaS) ผู้จำหน่ายระบบ LMS บนระบบคลาวด์จะดูแลบำรุงรักษาระบบและดำเนินการอัปเดตหรืออัปเกรดทางเทคนิคใดๆ ผู้ใช้งานออนไลน์สามารถเข้าใช้ระบบได้จากทุกที่ ทุกเวลา โดยใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
แพลตฟอร์มที่โฮสต์เองให้การควบคุมและการปรับแต่งที่ Customised ได้มากขึ้น แต่ผู้ใช้ต้องดูแลรักษาระบบด้วยตนเอง และมักจะต้องมีค่าใช้จ่ายเงินสำหรับการอัปเดต
Learning Management System คือ ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการการเรียนรู้แบบ e-Learning ช่วยให้ผู้ใช้งานอย่าง HR หรือครูผู้ฝึกสอน สามารถสร้าง-ส่งมอบเนื้อหา ติดตามผลการเรียนในหลักสูตร ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย
ปัจจุบันระบบ LMS ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในหลายภาคส่วน โดยสถิติการใช้งาน LMS ชี้ให้เห็นว่า “ภาคการศึกษามีอัตราการใช้งานสูงสุดที่ 21% ตามมาด้วยภาคเทคโนโลยีที่ 12%” ซึ่งบ่งชี้ถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การลงทุนในระบบ LMS ยังสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่ธุรกิจอย่างแท้จริง เพราะไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือจัดการการเรียนรู้ แต่คือกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มศักยภาพบุคลากร จากข้อมูลของสมาคมพัฒนาบุคลากร ATD (Association for Talent Development) พบว่า
“องค์กรที่มีโปรแกรมการฝึกอบรมที่ครอบคลุม จะมีรายได้ต่อพนักงานสูงกว่าองค์กรที่ไม่มีการฝึกอบรมถึง 218%” ยิ่งไปกว่านั้น “การเพิ่มงบประมาณด้านการฝึกอบรมเพียง 10% ยังส่งผลให้ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น 15% และสร้างการเติบโตของรายได้ถึง 12% ภายในระยะเวลา 2 ปี” จึงกล่าวได้ว่า LMS คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งประสิทธิภาพและผลประกอบการขององค์กรอย่างยั่งยืน
ดังนั้น การทำความเข้าใจประเภทของ LMS จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการและข้อจำกัดของธุรกิจได้อย่างตรงจุด โดยทั่วไปแล้ว LMS สามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลัก ๆ ได้หลายประเภท ดังนี้
เป็นการแบ่งประเภทจากตำแหน่งที่ซอฟต์แวร์ถูกติดตั้งไว้ ตามงบประมาณ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที และแผนธุรกิจขององค์กร ซึ่งมีวิธีการติดตั้งหลัก ๆ 2 แบบ คือ
Learning Management System (LMS) แบบ Cloud-based คือระบบที่ติดตั้งและทำงานอยู่บนคลาวด์ ซึ่งหมายความว่า ไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนคอมพิวเตอร์ และผู้ให้บริการ LMS จะเป็นผู้ดูแลระบบทั้งหมด รวมถึงการบำรุงรักษาและการอัปเดต ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต โดยใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
การใช้งาน: ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์หรือติดตั้งฮาร์ดแวร์
ความยืดหยุ่น: ผู้ใช้สามารถฝึกอบรมและเรียนรู้แบบ e-Learning ได้จากทุกที่ในโลก ตราบใดที่มีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต
การสำรองข้อมูลและความปลอดภัย: ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บสำรองไว้บนคลาวด์อย่างปลอดภัย หากอุปกรณ์ของคุณมีปัญหา ข้อมูลจะยังคงอยู่ครบถ้วน
การติดตั้งและการบำรุงรักษา: ผู้ให้บริการ LMS จะจัดการงานด้านเทคนิคให้ ไม่จำเป็นต้องมีทีมพัฒนามาดูแลระบบ
แพลตฟอร์ม LMS แบบ Self-hosted คือระบบที่คุณต้องติดตั้งและดูแลรักษาอยู่บน server ของผู้ใช้งาน ทำให้การควบคุม และการจัดการเป็นไปได้ด้วยตนเอง แต่ผู้ใช้ต้องดูแลรักษาระบบด้วยตนเอง และมักจะต้องมีค่าใช้จ่ายเงินสำหรับการอัปเดต
การใช้งาน: ผู้ให้บริการมักรวมการติดตั้งให้ และช่วยดูแลปรับปรุงระบบในเบื้องต้น แต่ผู้ใช้งานอาจต้องบริหารจัดการเอง
ความยืดหยุ่น: มีความยืดหยุ่นสูงในการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรบนแพลตฟอร์ม
การสำรองข้อมูลและความปลอดภัย: มีความเสี่ยงสูงที่ระบบจะขัดข้องจากปัญหาเซิร์ฟเวอร์, ข้อผิดพลาด (Bugs)
การแบ่งโดยพิจารณาว่า ระบบ LMS นำไปใช้งานที่ไหน และใครเป็นผู้ใช้งานหลัก ซึ่งสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
บริษัทขนาดใหญ่มีโครงสร้างซับซ้อน มีหลายแผนก พนักงานจำนวนมาก มีความต้องการการฝึกอบรมแตกต่างกัน จำเป็นต้องใช้ Enterprise LMS ที่สามารถรองรับการปรับแต่งตามรูปแบบ และความต้องการด้านการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากรขององค์กรได้อย่างครบถ้วน เช่น การปฐมนิเทศพนักงานใหม่ (Onboarding), การฝึกอบรมตามข้อกำหนด (Compliance Training), การเพิ่มทักษะใหม่ (Reskilling) และการพัฒนาทักษะที่มีอยู่ (Upskilling), การออกใบรับรอง และอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติการรายงานและการวิเคราะห์ขั้นสูง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงการเรียนรู้ของพนักงาน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างสอดคล้องกับผู้ใช้งานและช่วยให้การฝึกอบรมเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าฟังก์ชันหลักของ LMS ที่จำเป็นจะคล้ายคลึงกับ Enterprise LMS คือ มีฟังก์ชันหลักสำหรับการปฐมนิเทศพนักงาน และการฝึกอบรมตามข้อกำหนด แต่บริษัทขนาดเล็กไม่ได้มีหลายแผนกและพนักงานจำนวนมาก เรื่องที่ควรพิจารณาคือฟังก์ชันการใช้งานที่สอดคล้องกับราคา เน้นที่ความคุ้มค่า
ดังนั้น LMS สำหรับบริษัทเหล่านี้ มักจะมีราคาตามการใช้งานจริง ไม่ใช่ตามจำนวนพนักงาน และสามารถปรับขนาดได้ (Scalable) เมื่อบริษัทเติบโต
การเรียนรู้ทางไกลได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19 และยังคงเป็นที่ต้องการสูงนับตั้งแต่นั้นมา สถาบันการศึกษาหลายแห่งในต่างประเทศจึงได้นำระบบ LMS มาปรับใช้ โดยให้ความสำคัญกับฟีเจอร์หลักที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน ผู้สอน เช่น การสร้างและจัดการหลักสูตร, การประเมินผลและการให้คะแนน, การส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกันของผู้เรียน, และการรองรับการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) นอกจากนี้ ครู-นักเรียน อาจไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค การออกแบบที่ใช้งานง่าย (User-friendly) จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญของระบบ LMS แบบ Educational
ประโยชน์ที่หลากหลายแก่ผู้ใช้โดยไม่เจาะจงประเภทขององค์กรที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น
ประโยชน์อื่นๆ ของระบบการจัดการเรียนรู้ ได้แก่
คำตอบ: E-learning คือ "เนื้อหา" หรือ "บทเรียนออนไลน์" (เช่น วิดีโอ, สไลด์, แบบทดสอบ) ส่วนระบบ LMS คือ "ระบบ" หรือ "แพลตฟอร์ม" ที่ใช้ในการจัดการ, จัดเก็บ, และเผยแพร่เนื้อหา E-learning นั้น ๆ
คำตอบ: องค์กรได้ระบบที่เป็นมาตรฐานในการจัดการความรู้, ลดความผิดพลาดในการทำงาน, ลดต้นทุนในการฝึกอบรม, สามารถติดตามผลการเรียนรู้ของบุคลากรได้อย่างแม่นยำ ส่วนผู้เรียนจะได้เรียนรู้ตามเวลาที่สะดวก และมีคลังความรู้ที่สามารถย้อนกลับมาดูได้ตลอดเวลา
คำตอบ: LMS ส่วนใหญ่ในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป, แท็บเล็ต, และสมาร์ตโฟน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
ประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ: FROG GENIUS มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบ LMS มามากกว่า 8 ปี และได้รับความไว้วางใจจากบริษัท, องค์กร, สถาบันการศึกษาชั้นนำมากมาย ระบบยัง ผ่านการประเมินมาตรฐาน ISO/IEC 29110 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ธนาคารและสถาบันการเงินยอมรับ
ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: ระบบ LMS ของ FROG GENIUS สามารถปรับแต่งโครงสร้างและคุณสมบัติได้อย่างอิสระ ให้เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานและเป้าหมายของแต่ละองค์กร ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน, หน่วยงานภาครัฐ หรือสถาบันการศึกษา
ใช้งานง่าย: ระบบถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ไม่ต้องมีพื้นฐานด้าน IT หรือเทคนิค ก็สามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
เชื่อมต่อกับระบบอื่นได้อย่างราบรื่น: รองรับการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ภายในองค์กร เช่น HRM, ERP หรือระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน API และ Single Sign On ช่วยลดการป้อนข้อมูลซ้ำซ้อนและลดข้อผิดพลาด
ทีมดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด: มีทีม Customer Support และผู้เชี่ยวชาญด้าน HRD (Human Resource Development) ที่มีประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาและดูแลตั้งแต่การวางแผนใช้งาน, การออกแบบหลักสูตร, การนำแผนไปใช้กับพนักงาน ไปจนถึงการติดตามผลการเรียนรู้ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบถูกใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อ้างอิงจาก : https://www.techtarget.com/searchcio/definition/learning-management-system